วันอังคารที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ปลาบู่ทอง


                                         นิทานปลาบู่ทอง

           ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีเศรษฐีชื่อ ทารก มีเมีย 2 คน ชื่อ ขนิษฐา และ ขนิษฐี นางขนิษฐา เป็นเมียคนแรกมีลูกสาวชื่อ เอื้อย นางขนิษฐีนั้นเป็นเมียคนรอง ดีกรีร้ายยิ่งกว่าไหนๆ มีลูกสาว 2 คน ชื่อ อ้าย กับ อี่
อ้าย กับ เอื้อย ถึงแม้จะเป็นลูกคนละแม่ แต่พ่อเดียวกันก็จริงแต่ว่า หน้านั้นไซร้ ละม้ายคล้ายคลึงกันมาก จนเป็นเหตุให้เกิดภัยพิบัติในอนาคต



            วันหนึ่งนางขนิษฐา กับ นายทรก ได้ออกเรือหาปลาด้วยกัน บังเอิญวันั้นอากาศอบอ้าว กว่าจะได้ปลาแต่ละตัวแสนลำบาก จนกระทั่ง นายทารก หาได้ปลาบู่ตัวนึง นางขนิษฐา จึงแอบปล่อยลงน้ำไป นายทารก โกรธมาก คว้าไม้พายฟาดเมียตัวเองตกลงน้ำตาย นางขนิษฐีรู้ยิ่งดีใจที่ผัวจะรักตัวคนเดียว

             พอแม่ของเอื้อยตาย นางขนิษฐีก็ได้กลั่นแกล้งเอื้อยต่างๆนาๆ จนกระทั่งนางขนิษฐา กลับชาติมาเกิด เป็น ปลาบู่ทอง นางเอื้อยนั้นดีใจเป็นที่สุด จากที่เคยโศกเศร้ากลับยิ้มตลอดเวลา อารมณ์ เพราะคิดถึงแม่ และมาหาแม่ทุกวันที่ท่าน้ำหน้าบ้าน เป็นเวลาหลายอาทิตย์ ที่เอื้อย มาหา มาพูด มาคุย ไถ่ถามสาระทุกข์สุขดิบ อยู่เป็นประจำ จนอ้าย กะอี่จับได้จึงแอบจับปลาบู่ทองให้นางขนิษฐี..่า แกงให้ ผัวกิน เหลือไว้แต่เพียงเกล็ดสีทองที่ เป็ดตัวหนึ่งคาบมาให้

             นางเอื้อยเอาไปฝัง เกล็ดปลาบู่นั้นก็กลายเป็นต้นมะเขือ นางเอื้อยดีใจ และมาหาแม่ทุกวัน จนอ้ายกะอี่จับได้อีก ก็มาทำร้ายต้นมะเขือจนตาย นางเอื้อยเอาเมล็ดมะเขือไปฝังอีกและ เกิดเป็นต้นโพธิ์ทองที่สวยงาม ไม่มีใครทำร้ายแม่ของเอื้อยได้อีก


              ท้าวพรหมทัต ได้เสด็จมาประภาสที่หมู่บ้านของนางเอื้อย ได้พบเอื้อยกับต้นโพธิ์ทองก็ทรงพอพระทัย เเละได้ขออนุญาตครอบครัวของเอื้อย นำเอื้อยเป็นมเหสีในวัง พร้อมกับต้นโพธิ์ทอง สร้างความไม่พอใจให้กับอ้ายอี่และนางขนิษฐีเป็นอย่างมาก

              เมื่อนาย ทารกไม่อยู่หลายเดือน นางขนิษฐี คิดแผนเด็ดกำจัดนางเอื้อยโดย ไปหลอกให้นางเอื้อย กลับบ้านมาเยี่ยมพ่อที่ป่วยใกล้จะตายแล้ว เอื้อยหลงเชื่อก็ตามมาบ้าน นางอี่ได้เตรียมกับดักให้นางเอื้อยเดินขึ้นบ้านแล้วตกกระทะน้ำร้อนตาย ที่ใต้ถุนบ้าน นางเอื้อยมาถึงด้วยความรีบร้อนจึงตกกระทะน้ำร้อนตาย

              นางอ้ายที่หน้าตาคล้ายนางเอื้อยได้ปลอมตัวเข้าวังไปแทน ทำตัวในวังก้ไม่ถูก มาลัยก้ไม่เลยร้อยถวายท้าวพรหมทัตดังแต่ก่อน ผุ้คนในวังต่างสงสัยและแปลกใจ

              นางเอื้อยได้เกิดเป็นนกแขกเต้าบินไปหาท้าวพรหมทัต นางอ้ายจับได้ก็เอาไปให้แม่ครัวแกงให้กินแต่นกนั้นบินไปแอบในรูหนู แล้วบินไปพึ่งใบบุญพระฤาษี ท่านก็แปลงโฉมให้เป็นนางเอื้อยเหมือนเดิม และชุบลูกให้นางเอื้อยเลี้ยง

              ลูกของนางเอื้อยได้ซักถามเกี่ยวกับพ่อของตน เอื้อยจึงเล่าให้ฟังว่า อ้ายแปลงตัวเป้นตนแล้วสวมรอยแทน ลูกนางเอื้อยแค้นนัก จึงแอบไปหาท้าวพรหมทัตในวัง ไปทูลความจริงให้ท้าวพรหมทัตทราบ ท้าวพรหมทัตจึงไปรับตัวเอื้อยกลับเข้าวัง อ้ายรู้ว่าเอยกลับมาแล้วไม่รู้จะทำอย่างไรจึงชิง..่าตัวตายไปก่อน แต่ที่จริงเอื้อยก็ทูลขอชีวิตอ้ายกับท้าวพรหมทัตแล้วล่ะ ต่อมาเมืองพราณสีจึงอยู่เย็นเป็นสุขเรื่อยมา

วันอังคารที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

วันลอยกระทง

 ประวัติความเป็นมาประเพณีลอยกระทง  

    ลอยกระทง  เป็นประเพณีของไทยที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาแต่โบราณ งานลอยกระทงเริ่มทำตั้งแต่ กลางเดือน 11 ถึงกลางเดือน 12 ซึ่งเป็นฤดูน้ำหลาก น้ำจะเต็มสองฝั่งแม่น้ำ ที่นิยมมากคือ ช่วงวันเพ็ญเดือน 12 เพราะพระจันทร์เต็มดวง ทำให้แม่น้ำใสสะอาด แสงจันทร์ส่องเวลากลางคืน เป็นบรรยากาศที่สวยงาม เหมาะแก่การลอยกระทง
  เดิมพิธีลอยกระทงเรียกว่า พระราชพิธีจองเปรียงชักโคม
ลอยโคม ซึ่งเป็นพิธีของพราหมณ์ เพื่อบูชาพระเป็นเจ้าทั้งสาม คือ พระอิศวร พระนารายณ์ และพระพรหม ครั้นคนไทยรับนับถือพระพุทธศาสนา ก็ทำพิธียกโคมเพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุ พระจุฬามณี ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ลอยโคมบูชาพระพุทธบาท ณ หาดทรายแม่น้ำนัมมทานที ประเทศอินเดีย

การลอยกระทง ตามสายน้ำนี้ นางนพมาศ สนมเอกของพระร่วงเจ้ากรุงสุโขทัย คิดทำกระทงรูปดอกบัว และรูปต่างๆถวาย พระร่วงทรงให้ลอยกระทงตามสายน้ำไหล ในหนังสือ ตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ พระร่วงตรัสว่า "แต่นี่สืบไปเบื้องหน้า โดยลำดับกษัตริย์ในสยามประเทศ ถึงกาลกำหนดนักขัตฤกษ์วันเพ็ญเดือน 12 ให้ทำโคมลอย เป็นรูปดอกบัวอุทิศสักการบูชาพระพุทธบาทนัมฆทานที ตราบเท่ากัลปาวสาน" 

วันลอยกระทง

ปีนี้ไปลอยกระทงกันที่ไหนเอ่ย ทุกๆคน